วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สังขยาฝักทอง

 
 

สังขยาฝักทอง

 
 
 
ฟักทองสด
ขนมหวานไทย : สังขยาฟักทอง
 
 
 
 

สูตรผสม

 
* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)

* ไข่่ 4 ฟอง

* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง

* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง

* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา

* น้ำปูนใส

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ



วุ้นกะทิ

วุ้นกะทิ

ขนมหวานไทย : วุ้นกะทิกาแฟ
ขนมหวานไทย : วุ้นกะทิใบเตย

 

ส่วนผสม


* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ

* น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง

* หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง

* แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ

* เกลือ 1 1/2 ช้อนชา

* แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้)
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)
2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง
3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง
4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย
5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน
6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)
7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที

ข้าวเหนียวดำ

 

ข้าวเหนียวดำ



ข้าวเหนียวดำ
ขนมหวานไทย : ข้าวเหนียวดำเผือก




สูตรผสม


* ข้าวเหนียวดำ 1/2 ถ้วยตวง

* เผือกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำเปล่า 3 1/2 ถ้วยตวง

* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง

* น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง

(ปรับได้ตามความหวานที่ต้องการ)

 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำข้าวเหนียวดำไปล้างทำความสะอาด แล้วจึงใส่หม้อและใส่น้ำเปล่าลงไป ต้มทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที คนเป็นระยะๆ จนข้าวเหนียวสุก
2. ระหว่างรอข้าวเหนียวสุก นำเผือกมาปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำไปนึ่งจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น
3. เมื่อข้าวเหนียวสุก เติมหัวกะทิ (เหลือหัวกะทิไว้นิดหน่อยเพื่อราดหน้าตอนเสริฟ) น้ำตาลและเผือกนึ่ง ต้มต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
4. ตักใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ และเสริฟเป็นของว่างได้ทันทีขณะยังร้อน หรือเสริฟขณะเย็นแล้วก็ได้
 

ขนมบัวลอย



ขนมบัวลอย


ขนมหวานไทย : บัวลอยไข่หวาน
ขนมหวานไทย : บัวลอยมะพร้าวอ่อน
     
สูตรผสม


แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
* เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง (กรณีต้องการบัวลอยหลายสีสามารถเลือกใช้ฟักทอง เพื่อทำบัวลอยสีเหลือง, ใบเตย เพื่อทำบัวลอยสีเขียว, อื่นๆ)

* น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

+ส่วนผสมน้ำกะทิ+

* กะทิ 2 ถ้วยตวง

* น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม

* น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 1 ช้อนชา

* เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้)

* งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น)
2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)
3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ)
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้
 

ขนมตะโก้

 
 
 

 

ขนมตะโก้

ขนมหวานไทย : ขนมตะโก้
ขนมหวานไทย : ขนมตะโก้แห้ว
     

สูตรผสม

 
 
* แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง

* น้ำกลิ่นมะลิ 3 ถ้วยตวง

* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

* น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วยตวง

* แห้วต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง

* กระทงหรือแบบสำหรับใส่ขนม

สำหรับทำหน้าตะโก้

* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง

* กะทิ 2 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 1 ช้อนชา

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. เตรียมทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งถั่วเขียว, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยและ น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกันในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนสุกและข้น

2. จากนั้นใส่แห้วจีนต้มที่หั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อ กวนต่ออีกสักครู่จึงปิดไฟ ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งนึงของแบบ

3. เตรียมทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า, กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกันในหม้อขนาดเล็ก จากนั้นนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนข้นพอดี จึงปิดไฟ

4. หยอดหน้าตะโก้ลงบนกระทงหรือแบบให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น จัดใส่จานเสริฟเป็นของว่างได้ทันที

ขนมหม้อแกง

 
 
 

ขนมหม้อแกง

ขนมหวานไทย : ไข่เป็ด
ขนมหวานไทย : ขนมหม้อแกงลูกบัว
 

สูตรผสม

 
* ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ)

* น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง

* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง

* น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม

* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

* ไข่เป็ด 3 ฟอง

* หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก

* ใบเตย 3 ใบ
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน



1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ )

2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ

3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก

4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี

5. นำส่วนผสมที่ได้ไปกวนด้วยไฟร้อนปานกลางในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็พอ ถ้ากวนมากเมื่อนำไปอบจะ ไม่น่าทานเพราะจะแตกมัน ที่เรานำมากวนก็เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อนำไปอบเนื่องจากไข่กับกะทิ ไม่เข้ากันดี

6. นำส่วนผสมที่กวนแล้วไปอบ โดยใส่ถาดหรือแบบที่ต้องการ ใช้ความร้อน 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) อบประมาณ 30 - 40 นาที จากนั้นจึงนำหอมเจียวไปโรยหน้าและอบต่ออีกประมาณ 5 นาที

7. ถ้าอบโดยใส่ถาดไว้ เวลาเสริฟก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามความเหมาะสม ถ้าอบโดยใส่แบบอื่นๆไว้ ถ้าขนาดแบบไม่ใหญ่มาก อาจเสริฟได้พร้อมแบบทันที

กล้วยบวดชี


กล้วยบวดชี


ขนมหวานไทย : กล้วยน้ำว้า
ขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี

     

ส่วนผสม

 

กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)
* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร

* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร

* ใบเตย 2 ใบ

* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม

* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม

* เกลือ
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน


1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย

3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว

4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที